ข่าวเด่นข่าวเศรษฐกิจ

ประชุมชมรมโรงสีข้าวกำแพงเพชร กับแนวทางก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0

ผู้ประกอบการโรงสีภายในจังหวัดกำแพงเพชร 19 แห่งประชุมสัญจรประจำเดือนครั้งที่ 3 ประจำปี 2560 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ที่โรงสีธันยบูรณ์สถาพรคลองขลุง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร โดยมีแกนนำขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมสำคัญของจังหวัดกำแพงเพชร ทั้งด้านการ รับซื้อ ด้านการผลิต และทางด้านการส่งออกไปยังต่างประเทศ ประกอบด้วยนายรังสรรค์ สบายเมือง บริษัทโรงสีสนั่นเมือง บริษัทส่งออกข้าวกำแพงเพชร export ประธานชมรมโรงสีจังหวัดกำแพงเพชร นายสรวิชญ์ ธันยบูรณ์สถาพรเจ้าของโรงสีธันยบูรณ์สถาพรคลองขลุง ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกำแพงเพชร นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัยเจ้าของโรงสีสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่นจำกัด กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนด้านเศรษฐกิจจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วยสมาชิกของชมรมโรงสีข้าวจังหวัดกำแพงเพชร  ผู้ประกอบการโรงสี ทั้ง 19 แห่ง  

บรรยากาศของการประชุม ก็เป็นไปอย่างเรียบง่ายภายใต้โต๊ะรับประทานอาหาร และได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทางด้านเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมค้าข้าวภายในจังหวัดกำแพงเพชรกันอย่างหลากหลาย รวมทั้งได้มีแนวคิดกับการเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งเป็นนโยบายหลักนโยบายหนึ่ง ของรัฐบาลในชุดปัจจุบันที่ กำหนดให้เป็นหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีข้างหน้า ผู้ประกอบการจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมพร้อม ที่จะก้าวเข้าสู่ในยุคอุตสาหกรรม 4.0 นี้ด้วย เป็นการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี และการส่งออก ที่ประหยัด ต้นทุนการผลิต ค่าขนส่ง การรักษาความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ เป็นระบบการผลิตที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุดส่วนที่มาของยุคอุตสาหกรรม 4.0 สืบเนื่องจาก เยอรมนีประกาศเมื่อปี ค.ศ. 2013 ก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เป็นนโยบายอุตสาหกรรมแห่งชาติ โลกจะเข้าสู่ช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ภายใน 20 ปีข้างหน้า การแข่งขันกันสูงขึ้น หลายประเทศปรับตัวสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองในการแข่งขัน ประเทศไทยในช่วงกลางปี 2559 ใน รัฐบาลนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นำแนวคิดดังกล่าวมาไปประยุกต์เป็นแผนพัฒนาประเทศใหม่เรียกว่า thailand 4.0 และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ระหว่างพ. ศ. 2560-2579

ย้อนอดีตไปราว 230 ปีก่อน โลกของเราเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมขึ้นเป็นครั้งแรก

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 (Industrial Revolution 1.0)เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1784 คือ ยุคของการใช้พลังงานจากน้ำ (Hydro Power) แทนการใช้แรงงานคน หรือสัตว์ หรือพลังงานธรรมชาติ เป็นยุคที่เริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งมีการใช้พลังงานไอน้ำจากถ่านหินในกลุ่มอุตสาหกรรมทอผ้า กังหันน้ำที่สร้างพลังงานสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ หรือการใช้ไอน้ำในรถไฟหัวจักรไอน้ำ เป็นต้น

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2  (Industrial Revolution 2.0)เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1870 เป็นการเปลี่ยนจากการใช้เครื่องจักรไอน้ำ มาใช้พลังงานไฟฟ้าส่งผลให้สามารถปลดปล่อยพลังการผลิตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เปลี่ยนแปลงระบบการผลิตมาเป็นระบบโรงงาน ทำให้เกิดการผลิตสินค้าคราวละมากๆ และมีคุณภาพที่เทียบเท่างานหัตถกรรม ที่สำคัญคือ สินค้าราคาไม่แพง ทุกคนสามารถบริโภคได้ ทำให้เกิดกระแสบริโภคนิยมไปทั่วโลก

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3  (Industrial Revolution 3.0)เกิดขึ้นในปีค.ศ. 1969 เป็นยุคของการใช้อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีไอทีในการผลิต มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตและระบบบริหารจัดการด้านคุณภาพ มีการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ในการผลิต แทนที่แรงงานคน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4  (Industrial Revolution 4.0) คือการนำเทคโนโลยีดิจิตัลและอินเทอร์เน็ต มาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า จุดเด่นที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือสามารถเชื่อมความต้องการของผู้บริโภคแต่ละรายเข้ากับกระบวนการผลิตสินค้าได้โดยตรง พูดง่ายๆ ก็คือ โรงงานยุค 3.0 สามารถผลิตของแบบเดียวกันจำนวนมากในเวลาสั้นๆ แต่โรงงานยุค 4.0 จะสามารถผลิตของหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันตามความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคแต่ละราย เป็นจำนวนมากในเวลาพริบตาเดียว โดยใช้กระบวนการผลิตที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิตัลครบวงจร แบบ ‘Smart Factory’

โรงงานในยุค 4.0 ก็จะมีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้นด้วย โดยที่โรงงานอัจฉริยะ หรือ Smart Factory จะสามารถกำหนดระบุกิจกรรมเงื่อนไขรวมทั้งสภาพแวดล้อมของการผลิต สามารถสื่อสารกับหน่วยอื่นๆ ได้อย่างอิสระแบบไร้สาย สามารถผลิตสินค้าตามคำสั่งโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น เวลา ต้นทุนการผลิต ค่าขนส่ง การรักษาความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ เป็นระบบการผลิตที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด //คัดลอกบางตอน ที่มาจาก นิตยสาร MODERN MANUFACTURING ฉบับเดือน ธันวาคม 2558

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า