ข่าวอาชญากรรมข่าวเด่น

เหยื่อล่อซื้อ ลิขสิทธิ์ตุ๊กตาดัง โดนขู่ขึ้นศาลติดคุก สูญ 3 หมื่นแลกอิสระภาพ

เหยื่อลิขสิทธิ์ตุ๊กตาดัง เผยถูกสั่งสินค้าตามออร์เดอร์แล้วถูกจับ กักตัว 3 ชั่วโมง ขู่ขึ้นศาลติดคุก เรียกเคลียร์ ที่สุดต้องจำนำทอง 3 หมื่นแลกอิสระภาพ

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามเหยื่อลิขสิทธิ์รายหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร  ที่ถูกล่อซื้อให้ผลิตสินค้าที่มีลวดลาย ต้องห้ามลิขสิทธิ์ ก่อนที่เหยื่อจะตกหลุมพราง ผลิตสินค้าตามออร์เดอร์ที่สั่ง แล้วนำไปส่งก่อน ถูกรวบแล้วแจ้งข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ข่มขู่จนได้เงินไป 3 หมื่นบาท เหยื่อกลัวติดคุกจำยอมต้องไปจำนำทองมาให้ แม้จะอุ้มลูกพิการวัย 5 ขวบร้องขอความเมตตาแล้วก็ตาม ในที่สุดก็ต้องจำยอมและกลับมานั่งสานตะกร้า เลี้ยงชีพต่อ โดยไม่แตะต้องภาพต่างๆกลัวไปละเมิดลิขสิทธิ์จะทำให้ติดคุก

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปติดตามเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ร้านตะกร้าสานสุข และอีกชื่อคันนางค์ สานฝัน นางสาวคัคนางค์ เกตุวงษ์ อายุ 35 ปี มีบุตร 2 คนคนหนึ่งพิการเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงวัย 5 ขวบที่ต้องหาเงินเลี้ยงดู  โดยประกอบอาชีพนำเส้นพลาสติกมาสานเป็นตะกร้าหรือกระเป๋า เป็นสินค้าหัตถกรรมฝีมือ นำไปขายยังงานวัดหรืองาน Otop ภายในอำเภอและยังได้โพสต์จำหน่ายทาง Facebook อีกทางหนึ่งด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2562 ก็มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งทักมาทาง Facebook และแจ้งความประสงค์ต้องการให้สานเส้นพลาสติกเป็นรูปซองสำหรับใส่กระป๋องเยติ สำหรับเก็บความเย็นและใส่กาแฟ ขนาด 3 ออนซ์  โดยเน้นให้มีลวดลายเป็นรูปการ์ตูนชื่อดัง จำนวน 20 ใบ ตกลงกันในราคาใบละ 80 บาท เหยื่อลิขสิทธิ์รายนี้จึงได้ทำการผลิตโดยนำรูปการ์ตูนที่มีลักษณะคล้ายกับตุ๊กตา ที่สั่งซื้อตามอินเทอร์เน็ตมาลอกแกะลาย แล้วนำไปทากาวแปะติดกับซองใส่กระป๋องเยติ ก่อนที่จะทากาวเคลือบให้ติดแน่นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผลิตตามจำนวนที่สั่ง 20 ใบคงทำได้แค่เพียง 8 ใบ ซึ่งทางผู้สั่งก็บอกว่าไม่เป็นไรให้เอาลวดลายอื่นคละกันมาก็ได้ ให้ครบ 20 ใบ ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 24 มิถุนายน 2562 ช่วงเช้าของวันนั้นจะต้องไปสอนลูกค้าในการถักสานเส้นพลาสติกเป็นตะกร้าจำนวน 20 คน จึงนัดส่งมอบสินค้ากันที่ข้างธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภอโดยมีผู้ชายวัยกลางคนนำเงินจำนวน 1,600 บาทมาจ่ายและก็นำสินค้าไป เพียงครู่เดียวก็ชายคล้ายกับตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 3-4 คนเข้ามาจับกุมและแจ้งข้อหาเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ก่อนที่จะนำตัวไปที่สถานีใกล้บ้าน

เหยื่อลิขสิทธิ์รายนี้เปิดเผยว่าตั้งแต่ 08.00 น.จนถึงเวลา 11.00 น. ตนถูกกักตัวอยู่ในห้อง ถูกพูดจาหว่านล้อมเล็งให้เห็นถึงความผิดในการละเมิดลิขสิทธิ์ และข่มขู่คดีนี้เป็นคดีอาญาที่ถูกจำคุกและปรับ หากคุยไม่จบ พร้อมกับบอกตัวเลขยอดประกันตัวตั้งแต่ห้าหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนบาท จะยอมขึ้นศาลหรือจะยอมเจรจา ขณะนั้นรู้สึกตกใจมากเพราะกลัวจะติดคุก จึงได้ประสานญาติพี่น้องรวมทั้งสามี ซึ่งขณะนั้นมีเงินติดตัวอยู่แค่ 5 พันบาท กลุ่มที่อ้างเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ก็ได้ถามว่ามีความสามารถหาเงินได้เท่าไหร่ ในที่สุดก็ได้ให้สามีนำทองที่เป็นทรัพย์สินสุดท้ายไปจำนำได้เงินมา 3 หมื่นบาท ก่อนที่จะจ่ายให้กับคนกลุ่มนี้ไป ซึ่งขณะนั้นก็พยายามที่จะนำโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้ แต่ก็ถูกห้ามบอกว่าไม่ถ่ายแล้วขอดูบัตรก็ไม่ให้ดูบอกว่าจะดูไปทำไม แล้วก็พูดจากดดันให้ไปเซ็นถอนแจ้งความเรื่องจะได้ไม่ไปถึงศาล ไม่ต้องไปติดคุก เป็นคำพูดที่น่ากลัวมากในขณะนั้น

เหยื่อรายนี้เปิดใจทั้งน้ำตาว่า  สานตะกร้าได้แต่ละใบราคาก็ไม่กี่บาท โดยหักค่าใช้จ่ายเหลือกำไรใบละ 20 บาท นำกำไรมาเลี้ยงครอบครัวซึ่งลูกก็พิการ กล้ามเนื้ออ่อนแรงต้องนวดต้องทานยาต้องกายภาพบำบัดทุกเช้าเย็น หลังจากถูกจับลิขสิทธิ์แล้วแม้แต่เงินเติมน้ำมันรถจักรยายนต์ที่จะไปสอนก็ยังไม่มี ต้องหาหยิบยืม เพื่อนบ้าน ขณะถูกจับกุมขอเงินคืน  1พันบาท เป็นค่าน้ำมันค่ากับข้าว พวกลิขสิทธิ์ก็ยังใจดำไม่ยอมให้ โดยบอกว่าคดีของน้อง 3 หมื่นบาทนั้นน้อยสุดแล้ว

เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ เหยื่อได้ขอดูบัตรของคนกลุ่มนี้ ก็ถูกปฏิเสธจะนำโทรศัพท์มาถ่ายคลิปเขาก็ไม่ยอมให้ถ่าย ตนก็ไม่ได้เอะใจถ้ารู้ว่าเป็นลิขสิทธิ์จะไม่ยอมทำอย่างเด็ดขาด แต่ที่ยอมทำก็เห็นว่ามีรูปลวดลายดังกล่าวนั้นอยู่ที่บ้านทั่วเมือง และที่ตนเรียนรู้วิธีการทำเส้นจากพลาสติกมาจากสานก็ศึกษามาจาก Facebook และ YouTube ซึ่งคนอื่นเขาก็ทำกัน ซึ่งก็ไม่ทราบลิขสิทธิ์และสินค้าก็หมดไปแล้วโดยนำไปขายที่หน้าโรงพักด้วยซ้ำ แต่มาครั้งนี้ไม่มีสินค้าแต่กลับถูกสั่งสินค้าตามออเดอร์ เมื่อนำไปส่งก็กลายเป็นคนทำผิดกฎหมายโดยการล่อซื้อ และหลังจากที่ถูกจับกุมแล้วรูปที่เป็นตุ๊กตาต่างๆที่คาดว่าจะเป็นลิขสิทธิ์ ตนได้ทำลายทิ้งจนหมดเพราะกลัวจะติดคุกไม่มีใครเลี้ยงดูลูกที่พิการ

อย่างไรก็ตามหลังจากตกเป็นข่าวก็มีผู้ใจดีสั่งสินค้าทางโทรศัพท์แล้วคนใน พรานกระต่ายต่างก็มาช่วยกันอุดหนุนและนอกจากนี้ทนายความชื่อดังก็ได้ประสานมาทางโทรศัพท์ สอบถามข้อมูลแล้วบอกว่าให้ใจเย็นๆจะดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมให้

และท้ายสุดได้ฝากถึงปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ไปยังผู้ผลิตรายอื่นว่า ต้องศึกษารายละเอียดทางด้านกฎหมายให้ดีๆเพราะเราก็ไม่รู้ว่าตรงไหนเป็นลิขสิทธิ์ตรงไหนไม่เป็นลิขสิทธิ์ และเรื่องราวที่ถูกเปิดเผยในครั้งนี้ก็ต้องการให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้อื่น เพื่อไม่ให้เสียเวลาและเสียเงินทองตกเป็นเหยื่อของพวกนี้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า